smartysweepstakes.com
มงคล ที่ ๓๕ จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม ภูเขาศิลาล้วนย่อมตั้งมั่นไม่หวั่นไหว เพราะแรงลมฉันใด ผู้ที่ทำพระนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม คือ อะไร? จิตหวั่น คือความหวั่นหวาดกังวล กลัวว่าจะประสบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ จิตไหว คือความปรารถนาอยากได้สิ่งที่รักที่ชอบใจ โลกธรรม คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นประจำโลก ใครๆ ก็ต้องพบ หลีก เลี่ยงไม่ได้ แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงประสบ มีอยู่ ๘ ประการ แบ่งเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ก. ฝ่ายที่คนทั่วไปปรารถนาอยากได้ คือ ๑. ได้ลาภ คือการได้ผลประโยชน์ เช่น ได้ทรัพย์ ได้บุตร-ภรรยา ได้บ้าน ได้ที่ดิน ได้เพชรนิลจินดาต่างๆ เป็นต้น ๒. ได้ยศ คือการได้รับตำแหน่ง ได้รับฐานะ ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต ๓. ได้สรรเสริญ คือการได้ยินได้ฟังคำชมเชย คำยกยอ คำสดุดีที่ คนอื่นให้เรา ๔. ได้สุข คือได้รับความสบายกายสบายใจ ได้ความเบิกบานร่าเริง ได้ความบันเทิงใจ ทั้ง ๔ อย่างนี้ เป็นเรื่องที่คนทั่วไปชอบ ยังไม่ได้ก็คิดหา ครั้นหาได้แล้วก็คิดหวง หวงมากๆ เข้าก็หึง การที่จิตมีอาการหา-หวง-ห่วง-หึง นี่แหละ เรียกว่า จิตไหว ข. ฝ่ายที่คนทั่วไปกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับตน คือ ๑.
เมื่อมีปัญหาหรือมีความเครียดทางจิตใจ ควรหาโอกาสผ่อนคลาย ด้วยการทำงานอดิเรก ออกกำลังกายจะทำให้มีจิตใจที่สบายขึ้น 8. ฝึกบริหารจิตใจ ฝึกทำสมาธิ ทำจิตใจให้ว่าง เป็นการทำให้จิตใจเข้มแข็ง สามารถเข้าใจตนเองและปรับปรุงตนเองได้เสมอ เมื่อมีปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ จะสามารถพิจารณาได้อย่างมีเหตุมีผล ไม่ใช้เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง ดังนั้น การเรียนรู้การเตรียมตัวและฝึกฝนให้เผชิญกับชีวิต สามารถเริ่มได้ตั้งแต่วัยเด็ก ควรส่งเสริมในการพัฒนาการทุกด้าน ทั้งทางด้านร่างกาย ด้านจิตใจ อารมณ์และสังคม จะเกิดการพัฒนาเป็นบุคลิกภาพที่ดีและมีสุขภาพจิตที่ดีไปด้วย เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจิต และมีความสุขในการดำเนินชีวิตต่อไป ข่าวโดย: สุนิสา ศรีสุข
ตอบว่า ในคราวที่ อายตนะคือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย และใจ จำต้องกระทบกับอารมณ์ที่ร้าย อารมณ์ที่ไม่ดี ไม่น่าพอใจ ท่านย่อมแยบคายต่อการกระทบเหล่านั้น ด้วยเห็นว่า นี้เป็นอนัตตา ใครจะบังคับบัญชาได้เล่า? ก็ขันติของเรา ย่อมเจริญขึ้น มีกำลังเพิ่มมากขึ้น ด้วยอาศัยอารมณ์ที่ร้ายๆ แบบนี้ มิใช่หรือ? ท่านจึงสั่งสอนตนเองโดยประการต่างๆ เพราะเห็นคุณแห่งอารมณ์ที่ไม่ดีเหล่านั้น เคารพอารมณ์เหล่านั้น ประดุจกับศิษย์ผู้มีความนอบน้อมต่อครูอาจารย์ผู้กำลังสอนวิชา จึงเคารพต่ออารมณ์ที่ร้ายด้วยเห็นว่า เป็นธรรมชาติที่กำลังมาเอื้อเฟื้อสอนธรรมะแก่ตนอยู่ ฉะนั้น happy by Carmela Nava / CC BY 2.
มงคล ที่ ๓๕ จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม ภูเขาศิลาล้วนย่อมตั้งมั่นไม่หวั่นไหว เพราะแรงลมฉันใด ผู้ที่ทำพระนิพพานให้แจ้งแล้ว ก็ย่อมมีจิตตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลายฉันนั้น จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม คือ อะไร? จิตหวั่น คือความหวั่นหวาดกังวล กลัวว่าจะประสบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ จิตไหว คือความปรารถนาอยากได้สิ่งที่รักที่ชอบใจ โลกธรรม คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นประจำโลก ใครๆ ก็ต้องพบ หลีก เลี่ยงไม่ได้ แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงประสบ มีอยู่ ๘ ประการ แบ่งเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ก. ฝ่ายที่คนทั่วไปปรารถนาอยากได้ คือ ๑. ได้ลาภ คือการได้ผลประโยชน์ เช่น ได้ทรัพย์ ได้บุตร-ภรรยา ได้บ้าน ได้ที่ดิน ได้เพชรนิลจินดาต่างๆ เป็นต้น ๒. ได้ยศ คือการได้รับตำแหน่ง ได้รับฐานะ ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต ๓. ได้สรรเสริญ คือการได้ยินได้ฟังคำชมเชย คำยกยอ คำสดุดีที่ คนอื่นให้เรา ๔. ได้สุข คือได้รับความสบายกายสบายใจ ได้ความเบิกบานร่าเริง ได้ความบันเทิงใจ ทั้ง ๔ อย่างนี้ เป็นเรื่องที่คนทั่วไปชอบ ยังไม่ได้ก็คิดหา ครั้นหาได้แล้วก็คิดหวง หวงมากๆ เข้าก็หึง การที่จิตมีอาการหา-หวง-ห่วง-หึง นี่แหละ เรียกว่า จิตไหว ข. ฝ่ายที่คนทั่วไปกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับตน คือ ๑.
เสื่อมยศ คือ ถูกลดความเป็นใหญ่ ถูกถอดออกจากตำแหน่ง ถูกถอดอำนาจ 3. ถูกนินทา คือ ถูกตำหนิติเตียน ถูกด่าว่าในที่ต่อหน้าหรือลับหลัง 4. ตกทุกข์ คือ ได้รับความทุกข์ทรมานทางกายหรือทางใจ ทั้ง 4 ประการนี้เป็นเรื่องที่คนเราไม่ชอบ ไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้นกับตัว เมื่อยังมาไม่ถึง จิตก็หวั่นว่ามันจะมา เมื่อมันมาแล้วก็ ภาวนาว่าเมื่อไหร่จะไปเสียที ไปแล้วก็ยังหวั่นกลัวว่ามันจะกลับมาอีก จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรมคืออะไร?
อนิจจัง ความไม่เที่ยง ไม่หยุดอยู่กับที่ ต้องเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เช่น บ้านเรือนก็ต้องเก่าคร่ำคร่า ทรุดโทรมไป คนเราวันนี้กับเมื่อวานก็ไม่เหมือนกัน มันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เป็นธรรมดา 2. ทุกขัง ความเป็นทุกข์ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเป็นทุกข์ร้องไห้น้ำตาตกเท่านั้น แต่หมายถึงการคงอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ต้องแตกดับ เพราะเมื่อมันไม่เที่ยงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้ว มันก็ต้องแตกดับ เช่น บ้านก็ต้องพัง คนเราก็ต้องตาย แม้โลกที่เราอยู่นี้ก็เปลี่ยนแปลง ไปเรื่อยๆ และสักวันหนึ่งก็ต้องทำลายลง 3.